หน้าเว็บ

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

ภัยคุกคามบนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หัวข้อ Malware & Viruses

Viruses&Malware


มัลแวร์ (Malware)


มัลแวร์ หรือ มัลลิเชียสซอฟต์แวร์ (Malicious software) เป็นซอฟท์แวร์ทำลายหรือรบกวนระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งโดยทั่วไปรู้กันในรูปแบบต่างๆ เช่น ไวรัส ม้าโทรจัน เวิร์มซึ่งมีรูปแบบการโจมตีและลักษณะการทำงานของมัลแวร์เหล่านี้จะมีทั้งส่วนที่แตกต่างและคล้ายคลึงกันตามแต่จะถูกเขียนโปรแกรมมัลแวร์เป็นภัยคุกคามอันดับแรกๆสำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเนื่องจากเข้าโจมตีและแพร่ระบาดได้ง่ายโดยผู้ใช้งานไม่รู้ตัวอีกทั้งยังสามารถพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโยลีจะเห็นได้ว่าเมื่อมัลแวร์ชนิดเดิมถูกกำจัดไปแต่จากนั้นก็มีมัลแวร์ชนิดใหม่ถูกปล่อยออกมา ดังนั้นผู้ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศจึงควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับมัลแวร์ที่เกิดขใหม่เพื่อรู้เท่าทันและสามารถป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์จากการโจมตีของมัลแวร์ได้

มัลแวร์คือคำสั้นๆที่ใช้ในการเรียกมัลลิเชียสซอฟต์แวร์ (Malicioussoftware)ซึ่งหมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายหรือรบกวนระบบคอมพิวเตอร์ เราเริ่มรู้จักไวรัสที่เรียกว่าไมโครคอมพิวเตอร์กันครั้งแรกในปี ค.ศ.1981 เป็นที่น่าสนใจว่าเวิร์มชนิดนี้ได้ถูกออกแบบขึ้นเพื่อใช้งานในทางที่ดี ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อนำมาใช้ในการก่อกวนหรือก่ออันตราย เช่นเดียวกันกับโปรแกรมม้าโทรจัน ถึงแม้โปรแกรมเหล่านี้จะมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน แต่ผลกระทบในทางลบหรืออันตรายร้ายแรงที่มีต่อผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตเพิ่งจะเริ่มขึ้นในไม่กี่ปีให้หลังนี้เท่านั้นตัวอย่างของมัลแวร์ที่รู้จักโดยทั่วไปได้แก่ 1. ไวรัส

ไวรัสคือโปรแกรมที่ติดหรือแฝงตัวมากับโปรแกรมหรือไฟล์อื่นๆ เมื่อโปรแกรมหรือไฟล์นั้นถูกรันหรือได้รับการติดตั้ง ไวรัสก็จะทำการรันหรือติดตั้งตนเองแล้วทำการทำซ้ำตนเองลงบนไฟล์หรือหน่วยบันทึกความจำ ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงสามารถทำซ้ำและขยายตัวมันเองออกไปได้เรื่อยๆ เมื่อโปรแกรมที่ติดเชื้อถูกส่งต่อหรือถูกรันอีก ขั้นตอนต่างๆของไวรัสก็จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง นอกจากทำซ้ำตนเองแล้ว ไวรัสอาจมีหน้าที่หรือไม่มีหน้าที่อย่างอื่นตามแต่จะถูกเขียนโปรแกรมมา

2. เวิร์ม

วิร์มมีส่วนที่คล้ายคลึงกันกับไวรัสในแง่ของการทำซ้ำตนเองได้ แต่เวิร์มนั้นไม่จำเป็นต้องอาศัยโฮสต์โปรแกรมในการช่วยทำซ้ำ เวิร์มนั้นนอกจากทำซ้ำตนเองแล้วยังสามารถทำหน้าที่อื่นๆ ได้อีกเช่นเดียวกันกับไวรัส เวิร์มจะไม่สามารถทำงานได้หากระบบไม่อนุญาตให้แหล่งที่อยู่ภายนอกส่งโปรแกรมเข้ามาและติดตั้งโปรแกรมได้ ผู้จัดจำหน่ายโปรแกรมกำจัดมัลแวร์บางบริษัทถือว่าเวิร์มเป็นไวรัสชนิดหนึ่ง



3. โทรจัน

ซอฟต์แวร์ชนิดนี้ถูกตั้งชื่อตามปรัมปราของกรีกในตอนศึกเมืองทรอย โดยนักรบกรีกได้นำม้าไม้มาทิ้งเอาไว้ที่หน้ากรุงทรอย โดยที่ในม้าไม้ตัวนั้นมีนักรบกรีกซ่อนตัวอยู่ คนในกรุงทรอยไม่รู้ก็นำม้าไม้นั้นเข้ามาในเมืองตกดึกนักรบกรีกก็แอบออกมาจากม้าไม้และทำลายเมืองทรอยจนย่อยยับ โปรแกรมโทรจันคือโปรแกรมที่ภายนอกดูปลอดภัย ไม่มีอันตราย แต่กลับเป็นอันตรายหรือสามารถทำอันตรายแก่คอมพิวเตอร์ของเราได้  หรืออาจหมายความถึงโปรแกรมมุ่งร้ายที่เข้ามาอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเราโดยที่เราไม่รู้ตัวหรือไม่ได้รับอนุญาต

4. แชท ไคลแอนท์ (Chat Client)

        โปรแกรมแชทบนอินเทอร์เน็ต เช่น โปรแกรมส่งข้อความทันทีหรือ Instant messaging และ ระบบไออาร์ซี หรือ Internet Relay Chat คือกลไกที่ช่วยในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องบนอินเทอร์เน็ต แชท ไคลแอนท์ นอกจากจะถือเป็นช่องทางของการติดต่อสื่อสารแล้วยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานส่งผ่านหรือแลกเปลี่ยน URL ของเว็บไซต์ หรือไฟล์ต่างๆ เช่น รูปภาพหรือวีดิโอได้อีกด้วยเนื่องจากแชท ไคลแอนท์จำนวนมากอนุญาตให้มีการแลกเปลี่ยนไฟล์ตระกูล .exeได้ ทำให้แชท ไคลแอนท์นี้มีความเสี่ยงเช่นเดียวกันกับอีเมล์ ผู้ใช้งานจึงควรระมัดระวังในการใช้งานเป็นพิเศษและควรกำหนดหรือยกเลิกการดาวน์โหลดไฟล์ตระกูล .exe โดยอัตโนมัติ และที่สำคัญ ไม่ควรแลกเปลี่ยนหรือดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่แน่ใจว่าเป็นอันตรายหรือไม่ และไม่ควรดาวน์โหลดไฟล์จากคนที่ไม่รู้จัก

5. ภัยจากซ่อนนามสกุลไฟล์ (Hidden File Extensions)

ระบบปฏิบัติการวินโดวส์นั้นมีฟังก์ชันช่วยในการซ่อนนามสกุลของไฟล์ประเภทที่ระบบรู้จัก  ส่วนเสริมนี้จะถูกตั้งค่าให้ทำงานอยู่แล้วบนเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ผู้ใช้งานสามารถยกเลิกการทำงานของส่วนเสริมนี้ได้หากต้องการให้มีการแสดงนามสกุลของไฟล์บนคอมพิวเตอร์  อย่างไรก็ตาม อีเมล์ไวรัสบนคอมพิวเตอร์สามารถใช้ประโยชน์จากส่วนเสริมนี้ได้เช่นกัน เพราะมันจะทำให้ผู้ใช้งานไม่ทันได้สังเกตหรือไม่เห็นว่าไฟล์นั้นๆ ติดไวรัส ไฟล์ที่ถูกแนบมากับอีเมล์ที่ถูกส่งมาโดยไวรัสส่วนใหญ่มักจะปรากฏอยู่ในรูปแบบที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย เช่น .txt, .mpg, .avi หรือนามสกุลอื่นๆ ทั้งที่จริงแล้วไฟล์พวกนี้เป็นไฟล์ที่ติดไวรัส เช่น .vbs, .exe เป็นต้น

มัลแวร์ทำงานอย่างไร

มัลแวร์สามารถทำงานได้หลายอย่างตามแต่จะถูกเขียนโปรแกรม แต่อย่างไรก็ตามมัลแวร์แต่ละประเภทมักจะมีลักษณะวิธีการทำงานบางอย่างที่คล้ายคลึงกันดังนี้

1. ส่งอีเมล์ 

เป็นวิธีการทำงานของมัลแวร์ที่สามารถพบได้แพร่หลายที่สุด ซึ่งอีเมล์ที่จะออกไปนั้นอาจจะมีการแนบไฟล์อันตราย (ไฟล์ที่ติดไวรัสหรือเวิร์ม) เข้าไปด้วย โดยที่เนื้อหาหรือข้อความในอีเมล์นั้นก็มักจะพบได้บ่อยๆในอีเมล์ที่ถูกส่งโดยมัลแวร์เช่น แจ้งเตือนจากไมโครซอฟต์เกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ หรืออาจสุ่มเลือกข้อความจากอีเมล์ฉบับก่อนๆที่มีอยู่ในเครื่อง และถ้าหากอีเมล์นั้นๆมีการแนบไฟล์มาด้วย

2รวบรวมข้อมูล 

มัลแวร์จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และไฟล์ในคอมพิวเตอร์ของคุณและส่งกลับไปยังผู้โจมตี ซึ่งมัลแวร์สามารถอ่านไฟล์ทุกไฟล์ในคอมพิวเตอร์ได้หากไฟล์นั้นไม่ได้ถูกเข้ารหัสเอาไว้  ซึ่งหากเก็บข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตหรือเลขที่บัญชีเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ อาจยิ่งทำให้ตกเป็นเป้าหมายของพวกผู้ไม่ประสงค์ดีได้

3. ลบหรือเขียนทับข้อมูล  

มัลแวร์บางประเภทก็อันตรายมาก ในระหว่างที่มันกำลังเดินทางเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ มันสามารถเริ่มต้นลบไฟล์ทั้งหมดบนฮาร์ดดิสก์และเขียนทับไฟล์เหล่านั้นด้วยไฟล์ขยะ

วงจรชีวิตของมัลแวร์
1) การค้นพบช่องโหว่

เมื่อมีการค้นพบวิธีการโจมตีหรือช่วงโหว่ของการรักษาความปลอดภัยใหม่ๆ แฮกเกอร์หรือผู้ไม่หวังดีก็จะเริ่มทำการพัฒนาหรือสร้างมัลแวร์ตัวใหม่ขึ้นมา

2) การพัฒนา

การเขียนมัลแวร์จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในภาษาแอสเซ็มบลี เข้าใจระบบคอมพิวเตอร์ที่ต้องการจะโจมตี แต่ในปัจจุบันมีเครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนามัลแวร์ อีกทั้งแหล่งความรู้ขนาดใหญ่บนอินเทอร์เน็ต ทำให้การพัฒนามัลแวร์เป็นไปได้ง่ายขึ้น

3) การแพร่ระบาด

หลังพัฒนามัลแวร์จนเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้วผู้โจมตีก็จะทำการปล่อยมัลแวร์ออกโจมตีโฮสต์ต่างๆพร้อมทั้งทำลายระบบในทันที

4) การทำลาย

หลังจากที่มัลแวร์สามารถแพร่ระบาดและเข้ามาสู่ระบบได้แล้วขั้นตอนต่อไปคือการปล่อยให้เพย์โหลดทำงาน ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ผู้พัฒนาเป็นคนเขียนขึ้น เช่น มัลแวร์บางประเภทจะถูกรันก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่กำหนดหรือโปรแกร

หลักที่มันแฝงตัวมาถูกทำการติดตั้ง ส่วนมัลแวร์ที่ไม่มีเงื่อนไขก็อาจสามารถทำงานได้ทันที

5) การตรวจพบและแจ้งเตือน

เมื่อเวลาผ่านไปบริษัทผลิตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสก็จะสามารถตรวจพบมัลแวร์ชนิดนี้ซึ่งบริษัทก็จะคิดค้นและพัฒนาตัวสกัดกั้นและกำจัดไวรัสชนิดนี้ออกมาในที่สุด

6) การป้องกันและกำจัด

หลังจากทำการคิดค้นวิธีการป้องกันมัลแวร์ตัวใหม่ บริษัทก็จะทำการแจ้งเตือนให้ลูกค้าทำการอัพเดตโปรแกรมป้องกันไวรัสนี้ จากนั้นโปรแกรมกำจัดไวรัสในคอมพิวเตอร์ก็จะสามารถตรวจจับและทำลายไวรัสชนิดนี้เพื่อไม่ให้ไวรัสสามารถเล็ดลอดเข้ามาทำอันตรายต่อระบบคอมพิวเตอร์ได้ จากนั้นเมื่อไวรัสชนิดนี้ถูกดักจับและทำลายได้ในที่สุด นักพัฒนามัลแวร์ก็จะทำการพัฒนามัลแวร์ตัวใหม่ๆขึ้นมาอีก และนำออกมาโจมตีระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอีกโดยวนเป็นวัฏจักรอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

Viruses

ไวรัสคอมพิวเตอร์คือโปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อก่อกวนทำลายระบบคอมพิวเตอร์และเป็นโปรแกรมที่สามารถกระจายจากคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง ไปยังคอมพิวเตอร์อีกตัวหนึ่งได้โดยผ่านระบบสื่อสารคอมพิวเตอร์ ไวรัสสามารถสร้างความเสียหายให้กับไฟล์งานต่างร่วมไปถึงไฟล์โปรแกรมและทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงด้วยการแย่งใช้หน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ไวรัสไม่สามารถส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เองได้ต้องอาศัยไฟล์และดิสก์หรือแฟลชไดร์ฟ เป็นพาหะ




ประเภทของไวรัส

บูตเซกเตอร์ไวรัส (Boot Sector Viruses หรือ Boot Infector Viruses)

        บูตเซกเตอร์ไวรัส คือไวรัสที่เก็บตัวเองอยู่ในบูตเซกเตอร์ ของดิสก์ การใช้งานของบูตเซกเตอร์คือ เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานขึ้นมาตอนแรก เครื่อง จะเข้าไปอ่านบูตเซกเตอร์ โดยในบูตเซกเตอร์จะมีโปรแกรมเล็ก ๆ ไว้ใช้ในการเรียกระบบ ปฎิบัติการขึ้นมาทำงานอีกทีหนึ่ง บูตเซกเตอร์ไวรัสจะเข้าไปแทนที่โปรแกรมดังกล่าวจะทำงานเมื่ออเราบูตเครื่องเพื่อทำงาน

โปรแกรมไวรัส(Program Viruses หรือ File Intector Viruses)

         เป็นไวรัสอีกประเภทหนึ่งที่จะติดอยู่กับโปรแกรม ซึ่งปกติก็คือ ไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น COM หรือEXE และบางไวรัสสามารถเข้าไปติดอยู่ในโปรแกรมที่มีนามสกุลเป็น sysและโปรแกรมประเภทOverlayProgramsได้ด้วย โปรแกรมโอเวอร์เลย์ปกติจะเป็นไฟล์ที่มีนามสกุลที่ขึ้นต้นด้วย OVR วิธีการที่ไวรัสใช้เพื่อที่จะ เข้าไปติดโปรแกรมมีอยู่สองวิธี คือการแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ในโปรแกรมผลก็คือหลังจากที่ โปรแกรมนั้นติดไวรัสไปแล้วขนาดของโปรแกรมจะใหญ่ขึ้น หรืออาจมีการสำเนาตัวเองเข้าไปทับส่วนของโปรแกรมที่มีอยู่เดิมดังนั้นขนาดของโปรแกรมจะไม่เปลี่ยนและยากที่ จะซ่อมให้กลับเป็นดังเดิม

มาโครไวรัส (Macro Viruses)

 มาโครไวรัส เป็นไวรัสสายพันธุ์ที่ก่อกวนโปรแกรมสำนักงาน จะติดต่อกับไฟล์ซึ่งใช้เป็น ต้นแบบ (template) ในการสร้างเอกสาร (documents หรือ spreadsheet) มาโครสำหรับทำงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วยตัวอย่างเอกสารที่สามารถติดไวรัสได้ เช่นWord, Excel, PowerPoint เป็นชุดคำสั่งเล็กๆ ทำงานอัตโนมัติ ติดต่อด้วยการสำเนาไฟล์จากเครื่องหนึ่งไปยังเครื่องหนึ่ง หลังจากที่ต้นแบบในการใช้สร้างเอกสารติดไวรัสแล้ว ทุกๆ เอกสารที่เปิดขึ้นใช้ด้วยต้นแบบอันนั้น มักจะทำให้ไฟล์มีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติ

สคริปต์ไวรัส(Scripts Viruses)

ไวรัสสายพันธุ์นี้เขียนขึ้นมาจากภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น VBScript, JavaScript ซึ่งไวรัสคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะทำงานเมื่อผู้ใช้เปิดหรือเรียกใช้งานไฟล์นามสกุล .vbs, .js ที่เป็นไวรัส ซึ่งอาจจะติดมาจากการเรียกดูไฟล์ HTML ในหน้าเว็บเพจบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

โพลีมอร์ฟิกไวรัส (Polymorphic Viruses)

Polymorphic Viruses เป็นชื่อที่ใช้เรียกไวรัสที่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเมื่อมีการสร้างสำเนาของตัวเองเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำได้ถึงหลายร้อยรูปแบบ ผลก็คือทำให้ไวรัสเหล่านี้ยากต่อการถูกตรวจจับด้วยโปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้วิธีสแกนเพียงอย่างเดียว

สทีลต์ไวรัส (Stealth Viruses)

Stealth Viruses เป็นชื่อเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการพรางตัวต่อการตรวจจับด้วยโปรแกรมตรวจหาไวรัสชนิดต่างๆ ไวรัสประเภทนี้จะทำงานด้วยการให้กำเนิด (Generate) หรือสร้างไฟล์ขึ้นมาใหม่เพื่อทำหน้าที่แทนตนเอง ถึงแม้ว่าจะสแกนด้วยโปรแกรมตรวจหาไวรัสแล้วก็ตาม แต่ก็จะพบเพียงไฟล์ไวรัสที่สร้างขึ้นมาใหม่เท่านั้น จะไม่พบตัวตนที่แท้จริงของไวรัส

อาการของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัส



1.การทำงานของคอมพิวเตอร์ช้ากว่าปกติ

2.คอมพิวเตอร์หยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ

3.ข้อมูลหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

4.ส่งเสียง หรือข่าวสารแปลกออกมา

5.ไดร์ฟ หรือฮาร์ดดิสก์หยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ

6.ไฟล์ในแผ่นดิสก์ หรือฮาร์ดดิสก์ถูกเปลี่ยนเป็นขยะ 

วิดิโอเพิ่มเติม



วิธีในการป้องกันไวรัส

1.ใช้โปรแกรมตรวจจับและกำจัดไวรัส (anti-virus)

2.scan ทุกไฟล์บนดิสเกตต์และ CD-ROM ก่อน นำลง hard disk

3.scan ทุกไฟล์ที่ download มาจาก internet

4.scan ไฟล์หรือโปรแกรมที่ติดมากับ e-mail ก่อนที่จะเปิดอ่านหรือเก็บลงบน hard disk

5.เก็บเอกสารในรูปของ ASCII Text Mode หรือ Rich Text Format (RTF) โดยเฉพาะเอกสารที่ใช้ ร่วมกันบน network ทั้งสอง format จะไม่ save ส่วนที่เป็น macro ลงพร้อมกับเอกสารด้วยซึ่งทำให้ ปลอดภัยจาก macro viruses

6.back up ข้อมูลและโปรแกรมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญอย่าเก็บ back up ไว้ใน hard disk อันเดียวกันกับข้อมูลและโปรแกรมจริง

7.ป้องกันการเขียนให้กับฟลอปปีดิสก์

8.อย่าเรียกโปรแกรมที่ติดมากับดิสก์อื่น

9.เสาะหาโปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใหม่และมากกว่าหนึ่งโปรแกรมจากคนละบริษัท

10.เรียกใช้โปรแกรมตรวจหาไวรัสเป็นช่วง ๆ

11.เรียกใช้โปรแกรมตรวจจับไวรัสแบบเฝ้าดูทุกครั้ง

โปรแกรมป้องกันไวรัส

    หรือในวงการเรียกว่า แอนติไวรัส/แอนติสปายแวร์(Anti-Virus/Anti-Spyware) เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์(ต่อจากนี้จะเรียกว่าไวรัส  จากผู้ไม่หวังดีทางอินเทอร์เน็ต  โปรแกรมป้องกันไวรัสมี แบบใหญ่ๆ

1.แอนติไวรัส เป็นโปรแกรมโปรแกรมป้องกันไวรัสทั่วๆไป จะค้นหาและทำลายไวรัสในคอมพิวเตอร์ของเรา

2.แอนติสปายแวร์ เป็นโปรแกรมป้องกันการโจรกรรมข้อมูล จากไวรัสสปายแวร์ และจากแฮ็กเกอร์   รวมถึงการกำจัด Adware ซึ่งเป็นป๊อปอัพโฆษณาอีกด้วยโปรแกรมป้องกันไวรัสจะค้นหาและทำลายไวรัสที่ไฟล์โดยตรง แต่ในทุกๆวันจะมีไวรัสชนิดใหม่เกิดขึ้นมาเสมอ ทำให้เราต้องอัปเดตโปรแกรมป้องกันไวรัสตลอดเวลาเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของเราปลอดภัย โดยแอนติไวรัสจะมีหลายรูปแบบตามบริษัทกันไปและแต่ละบริษัทจะมีการอัปเดตและการป้องกันไม่เหมือนกันเหมือนกันแต่ใน คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวไม่ควรมีแอนติไวรัส โปรแกรมเพราะจะทำให้โปรแกรมขัดแย้งกันเองจนไม่สามารถใช้งานได้

 

โปรแกรมป้องกันไวรัส

1.CPE17 Autorun Killer


โปรแกรมช่วยเครื่องกันไวรัสจากแฟลชไดรฟ์การรับส่งไฟล์ผ่านทางพอร์ต USB กันหลายต่อหลายครั้ง แต่เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ไวรัสตัวร้ายที่แฝงมากับแฟลชไดรฟ์จะบุกเข้ามาทำร้ายเครื่องของเราเมื่อไหร่ ซึ่งถ้าใครมีการเชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์เข้าสู่คอมพิวเตอร์อยู่บ่อยๆ นำCPE17 Autorun Killer มาติดตั้งเอาไว้ในเครื่องจะช่วยป้องกันได้ระดับหนึ่งทีเดียว  โปรแกรมตัวนี้ สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีผ่านอินเตอร์เน็ต


2.Avast Free Antivirus


  Avast Antivirus โปรแกรมป้องกันไวรัสอีกตัว ที่หันมาพัฒนาแอนตี้ไวรัสแบบฟรีแวร์อย่าต่อเนื่อง มาพร้อมกับคุณสมบัติป้องกันไวรัสพื้นฐานและความปลอดภัยกับการทำงานรวดเร็วป้องกันไวรัส สปายแวร์ และยังมีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลการรักษาความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ สามารถใช้งานได้บนระบบปฏิบัติการ 32-bit และ 64-bit และดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรีทางอินเตอร์เน็ต



3.Bitdefender Antivirus Free Edition
Bitdefender ถือว่าเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมป้องกันไวรัสอีกเจ้าที่หลายคุ้นเคยกันดี ซึ่งโปรแกรมป้องกันไวรัสของ Bitdefender มีคุณสมบัติครอบคลุมและทำงานได้ดีเลยทีเดียว ด้วยฟีเจอร์การทำงานรวมไปถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่เข้ามาเสริมทัพที่ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม และที่สำคัญ BitDefender ได้ออกโปรแกรมป้องกันไวรัสแบบฟรีแวร์ มาในชื่อ Bitdefender Antivirus Free Edition ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการทำงานและป้องกันไวรัสขั้นพื้นฐานและมีประสิทธิภาพป้องกันในระดับหนึ่ง สำหรับ Bitdefender Antivirus Free Edition รองรับ Windows 8, Windows 7, Windows Vista, และ Windows XP และดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรีทางอินเตอร์เน็ต



4.Spyware Blaster (โปรแกรมกําจัดไวรัส สปายแวร์)   

เป็น โปรแกรมกำจัดไวรัส หรือพวก สปายแวร์ โดย โปรแกรมกำจัดไวรัส สามารถ ค้นหา (Scan) และก็ลบ (Clean, Delete) เจ้าตัว สปายแวร์ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้ว โปรแกรมกำจัดไวรัส สปายแวร์ นี้ไม่ได้แค่ทำการค้นหา หรือลบเพียงอย่างเดียว โปรแกรมกำจัดไวรัส สปายแวร์ ยังป้องกัน (Protect) ได้อีกด้วย คือว่าปิดไม่เข้า สปายแวร์ (Spyware) หรือว่า ผู้บุกรุก ที่จะมาแอบเข้า หรือถูกติดตั้งลงในเครื่องท่าน เรียกได้ว่ามันกันที่ต้นเหตุ ไม่ได้ป้องกันที่ปลายเหตุ  สุดยอดกว่า โปรแกรมกำจัดไวรัส สปายแวร์ อื่นๆ เป็นโปรแกรมที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี

5.EMCO Malware Destroyer 

โปรแกรมกำจัดมัลแวร์ EMCO Malware Destroyer ที่มีการทำงานรวดเร็วและใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย มันสามารถกำจัดไวรัส มัลแวร์ สปายแวร์ ที่อยู่ภายในเครื่องได้ทันทีและเจ้า โปรแกรมสแกนไวรัส จะคอยปกป้องเครื่องของคุณไม่ให้ไวรัสพวกนี้เข้ามาอีกโดยวิธีการทำงานของมันจะค้นหาไวรัสเหล่านี้จากทุกซอกทุกมุมภายในเครื่องและทำการลบทิ้งทันทีเพื่อป้องกันการลุกลามต่อ ซึ่งมีการทำงานตลอดเวลาที่คุณเปิดเครื่องและมีการอัพเดตแบบวันต่อวัน คุณจึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยที่ได้รับจากโปรแกรมนี้ ด้วยอินเตอร์เฟสใช้งานง่ายเพียงไม่กี่คลิกแล้วรอสักครู่ก็สามารถจัดการได้เลย โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องหาโปรแกรมป้องกันตัวอื่นเพิ่มเติมแต่อย่างใดโปรแกรมดีแบบนี้ทางผู้พัฒนาเค้าเปิดให้เราได้ดาวน์โหลดไปใช้กันฟรีเลย

BitDefender ,  ClamWin ,  Kaspersky ,F-Secure Anti-Virus ,PC-cillin ,ESET Nod32 ,McAfee VirusScan ,Norton AntiVirus ,  AVG AntiVirus ,eTrust EZ Antivirus ,  Norman Virus Control,AntiVirusKit , AVAST!  ,Panda Titanium ,F-Prot ,PCTools AntiVirus

อ้างอิงจาก

1. http://th.wikipedia.org/wiki

2.   http://www.dld.go.th/ict/article/virus/v12.html

3.https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/software/virus/#virus6

4.http://www.thaigoodview.com






คำศัพท์วิชา Information System Security คำศัพท์เกี่ยวกับ Computer Security, Informarion Security ครั้งที่ 1

คำศัพท์เกี่ยวกับ Computer Security, Informarion Security ครั้งที่ 1

1.Spies 
Spies สายลับ ผู้โจมตีที่โจมตีระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง 
2.Active Attack 
Active Attack การโจมตีแบบ Active การโจมตีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนสถานะโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น การเปลี่ยนแปลง file หรือการเพิ่ม file ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไป 
3.Spam 

Spam การทำโปรแกรม crash โดยใส่ข้อมูลจำนวนมากเข้าไปใน buffer ที่ไม่สามารถปรับขนาดได้ การทำให้ผู้หนึ่งหรือ newsgroup หนึ่งเต็มไปด้วยข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่เหมาะสม

4.Phishing 
Phishing คือคำที่ใช้เรียกเทคนิคการหลอกลวงโดยใช้อีเมลหรือหน้าเว็บไซต์ปลอมเพื่อให้ ได้มาซึ่งข้อมูล เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือสร้างความเสียหายในด้านอื่น ๆ เช่น ด้านการเงิน เป็นต้น ในบทความนี้จะเน้นในเรื่องของ Phishing ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อหลอกลวงทางการเงิน เนื่องจากจะทำให้ผู้อ่านมองเห็นผลกระทบได้ง่าย
5.Integrity 
Integrity ความสมบูรณ์ การรับรองว่าข้อมูลจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงหรือทำลายไม่ว่าจะด้วยอุบ้ติเหตุหรือเจตนาร้าย
6.Alet 
Alet การแจ้งเตือน ข้อความที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อใช้อธิบายสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความ ปลอดภัยของเครือข่าย การแจ้งเตือนมักจะเกิดมาจากการตรวจสอบที่สำคัญ 
7.Backdoor  
Backdoor ประตูหลังรูรั่วในการรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้ออกแบบหรือ ผู้ดูแลจงใจทิ้งไว้ เป็นกลไกลับทาง Software หรือ hardware ที่ใช้ในการข้ามผ่านการควบคุมความปลอดภัย 
8.Crack  
Crack เครื่องมือทางการ hacking ที่ใช้กันแพร่หลาย ใช้ในการถอดรหัสลับขอรหัสผ่าน ผู้ดูแลระบบใช้ crack ในการประเมินว่ารหัสผ่านของผู้ใช้มีความแข็งแรงเพียงพอหรือไม่เพื่อที่จะ เสริมความปลอดภัยให้กับระบบอัตโนมัติ 
9.Demon Dialer 
Demon Dialer โปรแกรมที่โทรศัพท์เข้าไปยังหมายเลขเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นการกระทำที่ไม่เสียหายหากต้องการเข้าถึง BBS แต่เป็นการกระทำที่ประสงค์ร้าย หากต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีแบบ Denial of Service  
10.Boomb
Boomb โดยทั่วไปจะใช้กับ crash โดยปกติแล้วเกี่ยวข้องกับการที่ software หรือ ระบบปฏิบัติการล้มเหลว